“แสนสิริ” อัดฉีดงบกว่า 25 ลบ. รุกรีแบรนด์ “Sansiri Family” บ้านที่ได้มากกว่าบ้าน

“แสนสิริ” อัดฉีดงบกว่า 25 ลบ. รุกรีแบรนด์ “Sansiri Family” บ้านที่ได้มากกว่าบ้าน

"แสนสิริ” โชว์หมัดเด็ดดึง CRM เป็นอีกจุดแข็งต่อยอดเกมรุกแนวคิดด้านบริการ  “บ้านที่ได้มากกว่าบ้าน” เสริมแกร่งเบอร์หนึ่งผู้นำบริการครบวงจรเจ้าแรกของวงการอสังหาฯที่มอบบริการเพื่อการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่ก้าวแรกตลอดจนก่อนและหลังอยู่อาศัย เชื่อตอบโจทย์กลุ่มเรียลดีมานด์และผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มองบริการเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญก่อนซื้อบ้าน เดินหน้าลุยเต็มสูบอัดงบกว่า 25 ล้านบาท รีแบรนด์ “Sansiri Family” ให้สดใส ทันสมัย อบอุ่น และเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้นบนแพลตฟอร์มดิจิทัล หวังจับกลุ่มลูกค้า Young Gen ที่มีสัดส่วนกว่า 50% ของลูกค้าแสนสิริทั้งหมดและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น พร้อมชูแนวคิด “ONE-OF-A-KIND Experiential Living Journey”  ผนึกพันธมิตรชั้นนำและระดับโลกกว่า 250 ราย เสริมทัพบริการเพื่อการอยู่อาศัยครบวงจรที่ออกแบบมาเพื่อทุกความต้องการของครอบครัวแสนสิริ  อาทิ ครั้งแรกในไทยกับ “3D Living” บริการตกแต่งภายในแบบ 3 มิติและสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว เริ่มเพียง 34,000 บาท “Designer Hub” ศูนย์รวมบริการแต่งบ้านโดยดีไซเนอร์คุณภาพ, แคมเปญ “Let’s go green” ที่สานรับเทรนด์ Green & Well-being ด้วย “Garden Design” บริการออกแบบสวน และ “Fresh Start” บริการอาหารและพริวิเลจเอาใจคนรักสุขภาพ มั่นใจบริการที่แตกต่างและเหนือกว่าจะทำให้ครองใจทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่กลุ่มเรียลดีมานด์ได้ ตั้งเป้าขยายฐาน Sansiri Family โตขึ้นถึงกว่า 120,000 รายหรือคิดเป็น 50% จากปีที่ผ่านมา


นางกมลวรรณ ประสิทธิ์วุฒิเวชช์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “แสนสิริ เชื่อว่าโจทย์ถัดไปของการแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คือ การช่วงชิงสัดส่วนทางการตลาดด้วยการบริการ (Service) ที่ถือเป็นหัวใจหลักในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีตลอดการอยู่อาศัยให้กับลูกบ้าน ในปีนี้ เราจึงผลักดันกลยุทธ์ด้านบริการ ครบวงจรเพื่อย้ำจุดต่างทางการแข่งขันที่เหนือกว่า ตอบโจทย์ลูกค้าเรียลดีมานด์ด้วยมาตรฐานบริการที่เหนือระดับในทุก Touch Points ตามแนวคิดด้านบริการ“บ้านที่ได้มากกว่าบ้าน” เพื่อการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบตั้งแต่ก้าวแรกตลอดจน ก่อนอยู่อาศัยและหลังอยู่อาศัย ซึ่งกลยุทธ์ด้านการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์ด้านการบริการของแสนสิริมาโดยตลอด โดยมี “Sansiri Family” เป็นศูนย์กลางในการดูแลลูกบ้านของแสนสิริอย่างครบวงจร ซึ่งนำเสนอประสบการณ์ในการอยู่อาศัยและใช้ชีวิตผ่านฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์กับ ไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านอย่างต่อเนื่องบนแพลตฟอร์มดิจิตัล ไม่ว่าจะเป็นการมอบเอกสิทธ์เหนือระดับในรูปแบบของพริวิเล็จจาก Sansiri Family และพันธมิตรไลฟ์สไตล์ชั้นนำของไทยและระดับโลกทั้งในรูปแบบ ที่สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา (Always On Privilege) และพริวิเล็จในโอกาสพิเศษต่างๆ (Joy Of Privilege) พร้อมใส่ใจในการอยู่อาศัยของลูกบ้านตั้งแต่ขั้นตอนของการย้ายเข้าอยู่อาศัยผ่านฟังก์ชั่นของ Move-In Experience ตั้งแต่การบริการขนย้าย (Moving Service) บริการทำความสะอาด (Cleaning Service) และบริการด้านการออกแบบตกแต่ง (Design Service) นอกจากนี้ ยังมีบริการเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตอีกมากมาย (Easy-Living) ที่ลูกบ้านสามารถเลือกช้งานได้ตลอดระยะเวลาในการเป็นลูกบ้านแสนสิริ โดยปัจจุบันมีพันธมิตรชั้นนำและระดับโลกกว่า 250 ราย ร่วมสร้างสรรค์บริการเพื่อการอยู่อาศัยครบวงจรที่สามารถเติมเต็มประสบการณ์ในการอยู่อาศัยของครอบครัวแสนสิริได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ซึ่งในปีนี้ เรามีโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมเข้าอยู่อาศัยมากถึง 8 โครงการที่ล้วนแล้วเป็นกลุ่มลูกบ้านคนรุ่นใหม่มากขึ้น จึงเป็นที่มาของการทุ่มงบประมาณกว่า 25 ล้านบาท เพื่อปรับกลยุทธ์ใหม่ด้านการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ปี 2562 ในแนวคิด “ONE-OF-A-KIND Experiential Living Journey” ที่สร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยหนึ่งเดียวที่ให้คุณมากกว่าบ้าน ด้วยการรีแบรนด์ Sansiri Family ครั้งใหญ่ สร้างอัตลักษณ์แบรนด์ใหม่ด้วยสีสัน ทันสมัย อบอุ่น และเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้นบนแพลตฟอร์มดิจิทัล สอดคล้องกับบริการใหม่ๆ ที่ส่งเสริมการสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว และสนุกสนานมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ตอกย้ำจุดยืนของแสนสิริ ในการเป็นผู้นำรายแรกที่ลงมาแข่งขันด้านการพัฒนาบริการเพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายอย่างเต็มขั้น ที่นอกเหนือจากจุดแข็งของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย สู่การพัฒนาบริการใหม่ๆ”

สำหรับแนวคิดด้านการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ “ONE-OF-A-KIND Experiential Living Journey”  ประกอบด้วยกลยุทธ์ ได้แก่ บริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า Real Demandมากขึ้น มุ่งเน้นบริการเพื่ออำนวยความสะดวกแก่การอยู่อาศัยจริง,ชูฟังก์ชั่น Move-In Experience และ Easy Living เป็นหัวหอกหลักมัดใจลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกบ้านให้ครอบคลุมมากขึ้น, ยกระดับบริการสู่ความเป็นสากล สร้างมาตรฐานบริการที่เทียบเท่าแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ด้วยการขยายขอบเขตบริการเอกสิทธิ์ให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ มากขึ้น ผ่านพาร์ทเนอร์ชั้นนำระดับโลก อาทิ Monocle, JustCo, The Standard และ One Night และ การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาสร้างสรรค์บริการ เชื่อมต่อบริการด้าน CRM ทั้งหมดเข้ากับแพลตฟอร์มดิจิทัล ทั้งแอพพลิเคชั่น Sansiri Home Service และเว็บไซต์ Sansiri Family

โดยได้นำเทรนด์ด้านการอยู่อาศัยที่น่าสนใจทั่วโลกมาพัฒนาการดำเนินงานและให้บริการใหม่ๆ เพื่อเติมเต็มการใช้ชีวิตให้กับลูกบ้านแสนสิริอย่างสมบูรณ์แบบตามแนวคิด People Centricภายใต้ความเข้าใจถึงพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้ายุคใหม่เป็นสำคัญ โดยพบว่า ปัจจุบันผู้บริโภคยุคดิจิทัล ชื่นชอบบริการที่เชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ มากยิ่งขึ้น (Digitally Together) ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและสมาร์ทโฟนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อแลกกับการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น (I Want It Now) โดยพบว่ากลุ่มคนอายุ 30-44 ปี เกือบ 50% ยินยอมที่จะเสียค่าใช้จ่ายเพื่อแลกกับความสะดวกสบายและระยะเวลาในการเข้าถึงสินค้าและบริการที่ลดลง นอกจากนี้ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ที่ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงเครื่องมือ และองค์ความรู้ในการบริหารจัดการสิ่งต่างๆ รอบตัวได้มากขึ้นราวกับเป็นผู้เชี่ยวชาญ (Everyone’ An Expert) เทรนด์ของคนรุ่นใหม่ที่หันมาใส่ใจรักสุขภาพมากขึ้น (Green & Well-being) ตลอดจนการแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว (Lifestyle Enthusiast)

นางกมลวรรณ กล่าวต่อไปว่า “ด้วยผลตอบรับที่ดีเยี่ยมของฟังก์ชั่น Move-In Experience ในส่วนของ Design Service ที่มีสัดส่วนการใช้บริการกว่า 23% จากกลุ่มลูกค้าในปีที่ผ่านมา แสนสิริ จึงต่อยอดฟีเจอร์ด้วยการพัฒนาบริการล่าสุด “3D Living” โดยร่วมกับ Homeprise (โฮมไพรส์) แพลตฟอร์มด้านการออกแบบตกแต่งภายใน ชื่อดังของไทยที่เป็นเสมือน e-Marketplace ที่ลูกค้าสามารถชมผลงานและติดต่อเลือกใช้บริการจากดีไซน์เนอร์ระดับมืออาชีพเพื่อเปลี่ยนเรื่องการออกแบบตกแต่งภายในที่อยู่อาศัยให้เป็นเรื่องง่าย โดยลูกบ้านสามารถออกแบบตกแต่ง   ที่อยู่อาศัยตามรูปแบบและขนาดจริงของโครงการแสนสิริ รวมถึงซื้อเฟอร์นิเจอร์แบบออนไลน์ด้วยตนเองผ่านโปรแกรม3D Living บนหน้าเว็บไซต์ https://family.sansiri.com/ โดยสามารถจัดสรรงบประมาณและรายละเอียดให้สอดคล้องกับความต้องการ ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 34,000 บาท ตกแต่งไม่เกิน 30 วันนับจากวันที่ลูกค้าชำระเงิน โดยบริการนี้จะนำร่องใช้ใน 14 โครงการ โดยคาดว่าจะมียอดใช้บริการภายใต้หมวดหมู่ DESIGN SERVICE ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2562 และสำหรับลูกบ้านกำลังมองหาดีไซน์เนอร์ที่ไว้วางใจได้แสนสิริยังได้ร่วมกับHomeprise และ TCDC สร้างสรรค์ “Designer Hub” ในการคัดสรรและรวบรวมดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่ที่มีคุณภาพมาร่วมให้บริการในการออกแบบตกแต่งที่อยู่อาศัย รวมถึงเลือกสรรสไตล์การตกแต่งห้องจากดีไซน์สำเร็จโดยนักออกแบบมืออาชีพที่มีกว่าหลายร้อยดีไซน์

นอกจากนี้ ในปีนี้แสนสิริยังให้ความสำคัญในเรื่องของการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของลูกบ้านในทุกมิติตามวิสัยทัศน์องค์กร SANSIRI FOR GREATER WELL-BEING กับแคมเปญใหม่ภายใต้ฟังก์ชั่น Easy Living อย่าง “Let’s go green” ที่นำเสนอบริการ Garden Design ที่จะช่วยออกแบบ ตกแต่ง และดูแลรักษาสวนแบบครบวงจรรวมถึงแคมเปญ    “Fresh Start” บริการอาหารเอาใจคนรักสุขภาพ นอกจากนี้ สำหรับลูกบ้านที่ชื่นชอบการสังสรรค์แสนสิริ ยังได้นำเสนอบริการ “Party Celebration”รวบรวมพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยทำให้ทุกการจัดปาร์ตี้หรือเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านในทุกโอกาสสำคัญเป็นเรื่องง่าย ตลอดจนไลฟ์สไตล์พริวิเล็จมากมาย

ในปี 2561 มีกลุ่มลูกค้า Sansiri Family เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นในทุกปีที่สูงถึงกว่า 80,000 ราย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการบริหารด้านลูกค้าสัมพันธ์ และคาดว่าจะเติบโตขึ้นถึง 120,000 รายภายในปี 2562 ขณะที่ในปัจจุบัน (มิ.ย.2562) Sansiri Priority ซึ่งเป็นกลุ่มฐานลูกค้าที่มีศักยภาพสูง ทั้งลูกค้าผู้อยู่อาศัยและ นักลงทุน เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยจำนวนสมาชิกกว่า 250 ราย รวมมูลค่าพอร์ตโฟลิโอกว่า 35,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 50% นอกจากนั้น ยังนำเสนอบริการและกิจกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะฟังก์ชั่น Sansiri Move-In Experience ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษโดยมีการใช้บริการกว่า 450 ครั้ง/เดือน

“เราเชื่อมั่นว่า การบริหารลูกค้าสัมพันธ์เพื่อการบริการที่สะดวกสบายด้านการอยู่อาศัยให้กับลูกบ้านอย่างต่อเนื่องไม่หยุดนิ่ง เพื่อมอบประสบการณ์ความสุขให้สมบูรณ์แบบตลอดการเดินทางของชีวิตของลูกบ้านตั้งแต่ก้าวแรกตลอดจนระยะเวลาทั้งหมดในการอยู่อาศัย คือ ปัจจัยสำคัญที่สร้างความแตกต่างให้แสนสิริมีศักยภาพในการแข่งขันเหนือกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ ในตลาด นอกเหนือจากความโดดเด่นด้านการออกแบบและคุณภาพในการพัฒนาโครงการที่เราเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย” นางกมลวรรณ กล่าวสรุป

REALATED NEWS

Comments

Share Tweet Line