เจาะใจชีวิตนักสู้ “สุพจน์ ธีระวัฒนชัย” เจ้าพ่อโรงเบียร์ ยอดขาย 800 ล้านบาท!!

เจาะใจชีวิตนักสู้ “สุพจน์ ธีระวัฒนชัย” เจ้าพ่อโรงเบียร์ ยอดขาย 800 ล้านบาท!!

   สำหรับใครหลายคนที่มักมองว่า ความจนคือความโชคร้ายในชีวิต สับดาห์นี้ รายการ “เจาะใจ” โดย พิธีกร “ดู๋-สัญญา คุณากร” จะมาตอกย้ำอีกครั้งว่า จริงๆแล้ว ความจนคือความโชคดี คือสิ่งที่หล่อหลอมทำให้ประสบความสำเร็จได้ดังเช่นแขกรับเชิญในรายการหลายๆท่านที่ผ่านมา รวมถึงแขกรับเชิญสุดพิเศษ “สุพจน์ ธีระวัฒนชัย” ผู้ที่เกิดในครอบครัวยากจน ต้องทำงานตั้งแต่ 10 ขวบ มีชีวิตที่ต้องต่อสู้ฝ่าฟันมาอย่างมากมาย เคยผ่านความล้มเหลวจากธุรกิจเป็นหนี้เกือบ 30 ล้าน แต่วันนี้เขาคือเจ้าของอาณาจักรโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ที่มียอดขายกว่า 800 ล้านบาท


                สุพจน์ เล่าว่า “ผมเกิดและโตในครอบครัวคนจีนที่พ่อแม่ไม่มีการศึกษา มีพี่น้อง 5 คน ต้องช่วยงานแม่ตั้งแต่ป.2 โชคดีที่มีหัวการค้า เลยหาของมาขายเพื่อหารายได้เพิ่ม  หลังพ่อแม่แยกทางผมและพี่น้องทั้งหมดอยู่กับแม่ต้องตื่นเช้าแลนอนดึกเพื่อช่วยกันทำเสื้อยืดส่งขายตามตลาดโบ๊เบ๊ ช่วงนั้นหนักมากจนผมอยากลาออกจากโรงเรียนเพราะการเรียนก็ตกแต่แม่ไม่ยอมยังไงก็ต้องเรียน โชคดีที่ได้ครูที่โรงเรียนสวนกุหลาบช่วย ผมจึงเรียนต่อจนสอบติดมหาลัยธรรมศาสตร์ และทำงานเก็บเงินส่งน้องชายเรียนด้วย หลังเรียนจบก็ไปสมัครงานแต่ด้วยไม่มีรองเท้าหนังเลยไม่ได้ไปสัมภาษณ์ว่างงานอยู่หลายเดือน คุณต๊อดเจ้าของเสื้อแตงโมที่เป็นรุ่นพี่ก็บอกว่า คุณทำเสื้อยืดมาตั้งแต่เด็กก็ทำเสื้อขายสิ จึงเป็นจุดเริ่มต้นทำแบรนด์เสื้ออกขายที่ตลาดจตุจักร ชื้อยี่ห้อ แยมแอนด์ยิม โดยยิมเงินรุ่นพี่มาลงทุน  ช่วงแรกขายดีแบบก้าวกระโดดทั้งขายส่ง ขายหน้าร้าน จนขยายไปเช่าสยามสแควร์ เดอะมอล์ลท่าพระ และกู้เงินมาขยายการผลิตสร้างโรงงานเพื่อทำส่งประตูน้ำ แต่สุดท้ายเจ๊งต้องปิดกิจการมีหนี้กว่า 29.8 ล้านบาท ตอนเป็นหนี้ก็คิดทุกวินาทีต้องหาเงินมาจ่ายดอกเท่าไหร่ ทำให้ผมกลายเป็นคนกลัวดอกเบี้ยมาก ซึ่งครั้งนี้ให้บทเรียนการทำธุรกิจกับผมมาก ทั้งการลงทุนเกินตัว การทำธุรกิจโดยไม่ประเมินตัวเอง ไม่ประเมินต้นทุน และการไม่ซื่อสัตย์ต่อธุรกิจของตัวเอง แล้วก็เริ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กับเพื่อนสนิท ทำทาว์นเฮาส์ 1,087 ห้อง ขาย ตอนนั้นลงทุน 50 ล้าน ผมถือ 10 % คือ 5 ล้านบาท ก็ไปกู้นอกระบบมาลงทุน ครั้งนี้ที่กล้าเสี่ยงเพราะมั่นใจในเพื่อน แต่สุดท้ายเจอวิกฤตต้มยำกุ้งก็ไปไม่รอด แต่เราต้องสู้ต่อ จึงมาเปิดโรงเบียร์ ขนาด 600-700 ที่นั่ง เพราะในบ้านเรายังไม่มีใครทำร้านเบียร์สดเยอรมัน อาหารอีสาน ราคาคนไทย และต้องทำตอนวิกฤตต้มยำกุ้งนี้แหละ เพราะเรามองว่าคือโอกาสที่เราจะได้ที่ดินแปลงสวยราคาไม่แพง มีช่องว่าทางการตลาดที่สมัยนั้นทุกคนขายเบียร์ฝรั่งอาหารฝรั่ง ไม่มีใครขายเบียร์ฝรั่งอาหารไทย คิดคร่าวๆน่าจะต้องลงทุน 40 ล้าน แต่มีเงินไม่ถึงก็ลิสต์รายชื่อเพื่อนว่าใครจะให้เรายืมได้บ้าง บวกกับเอาเงินที่สะสมกับภรรยาออกมาด้วยจึงเปิดได้ เหตุการณ์นี้ทำให้ผมรู้ว่าสิ่งสำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตคนไม่ใช่เงิน แต่เป็นกัลยาณมิตร การมีเพื่อนดี ชีวิตไม่อับจน และความล้มเหลวที่ผ่านมาทำให้ผมกล้าและไม่ยอมเป็นผู้แพ้ไปตลอดแน่นอน ผมเจ๊งได้แต่ผมไม่เลิก ซึ่งพอเปิดโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดงได้ไม้ถึงเดือนก็กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ต้องจองคิวกันยาวนานข้ามเดือน ปัจจุบันมียอดขายรวม 3 สามขา คือ พระราม 3 , รามอินทรา และแจ้งวัฒนะ 800 ล้านบาท ณ วันนี้ถือว่าสำเร็จไหมไม่รู้ รู้แต่ว่าดีกว่าเมื่อวานเมื่อไหร่ก็ตามที่เหนื่อยล้า ผมก็คิดเสมอว่าชีวิตผมดีกว่าเมื่อวาน  และหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจให้สำเร็จผมเชื่อว่าแพ้ชนะวัดกันที่รายละเอียด เช่น การสอนเรื่องหมากับลูกน้อง หรือต้นทุนเสลาเป็นสิ่งสำคัญและมีค่า เป็นต้น อยากจะบอกทุกคนว่า เวลาเราแพ้ เราต้องสรุปบทเรียน ชีวิตเราต้องทำงาน แล้วเดินไปข้างหน้า และอย่าลืมมัน เจ็บแล้วต้องจำ และไม่มีใครแก่เกินเรียนรู้”

            ติดตามเรื่องราวอันน่าสนใจนี้ได้ในรายการ“เจาะใจ” วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม 2562 เวลา 21.00 น. ทางช่อง 9 MCOT HD

Comments

Share Tweet Line