ผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่ติดตามผลเยียวยา 5,000 บาท เร่งแก้ปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด - 19   

ผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่ติดตามผลเยียวยา 5,000 บาท เร่งแก้ปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด - 19   

พลเอก วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายวทัญญู ทิพยมณฑา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายเมธี มั่นคง ผู้อำนวยการสำนักสอบสวน 1 ประชุมหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเงินเยียวยา 5,000 บาท ในโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” กำชับเพิ่มเจ้าหน้าที่โต๊ะรับเรื่องให้เพียงพอ และวางแผนรองรับหากเกิดกรณีเช่นนี้ในอนาคต


พลเอก วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ประชุมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาเรื่องการอนุมัติเงินเยียวยา 5,000 บาท ในโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” เพื่อชดเชยรายได้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด - 19 ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีข้อเสนอแนะให้มีมาตรการเชิงรุกในขั้นตอนการทบทวนสิทธิ์เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ตกหล่นจากการได้รับเงินเยียวยาอย่างเร่งด่วน  โดยในวันนี้ได้ลงพื้นที่มาประชุมติดตามความคืบหน้าการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินร่วมกับ นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุม 301 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ซอยอารีย์ จากนั้นได้ลงพื้นที่จุดรับเรื่องร้องเรียนบริเวณกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อตรวจเยี่ยมการทำงานของเจ้าหน้าที่และประชาชนที่เดินทางมาปรึกษาปัญหาจากการยื่นขอรับสิทธิ์ด้วย

พลเอก วิทวัส กล่าวว่า ขณะนี้ กระบวนการขั้นตอนยื่นทบทวนสิทธิ์เป็นไปด้วยดี จากที่มีประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์ จำนวน 28.8 ล้านคน มีผู้ผ่านเกณฑ์ได้รับสิทธิ์เงินเยียวยาแล้วประมาณ 13.7 ล้านคน สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับสิทธิ์สามารถยื่นทบทวนสิทธิ์ผ่านระบบออนไลน์ได้ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2563 ส่วนจุดรับเรื่องร้องเรียนบริเวณกรมประชาสัมพันธ์จะขยายเวลาให้บริการออกไปจนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินได้กำชับให้กำกับดูแลจำนวนโต๊ะรับเรื่องและเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอเพื่อรองรับประชาชนที่มาใช้บริการ รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขบัตรประชาชน บัญชีธนาคาร ให้ถูกต้องเพื่อป้องกันความผิดพลาดจนเกิดความล่าช้าในการรับเงินเยียวยา หรือควรแนะนำให้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคารใดก็ได้ซึ่งจะสะดวกที่สุดในการดำเนินการ นอกจากนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม คือ 

1) ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาให้นักเรียน นักศึกษา เข้ามามีส่วนร่วมในลักษณะจิตอาสา เพื่อช่วยแนะนำหรือช่วยดำเนินการให้แก่ประชาชนที่มาขอความช่วยเหลือจากภาครัฐ เกี่ยวกับมาตรการเยียวยาต่าง ๆของรัฐ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ซึ่งในวันข้างหน้า อาจมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก โดยเด็กนักเรียนนักศึกษาเหล่านี้จะเป็นกำลังสำคัญ เพราะมีความรู้และสามารถเข้าระบบออนไลน์ได้ดี สามารถช่วยเหลือหรือทำแทนได้ โดยเฉพาะคนสูงวัยที่ไม่คุ้นเคยกับระบบออนไลน์

2) ในต้นเดือนกรกฎาคมนี้ จะเปิดเทอมการศึกษาภาคแรก จึงขอให้ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการเยียวยาฯ ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ พิจารณามาตรการให้ความช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษา ที่ตนเองหรือผู้ปกครอง ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการเรียน เช่น ค่าบำรุงการศึกษา ค่าเครื่องแบบนักเรียน นักศึกษา และอุปกรณ์การเรียนอื่น ๆ เพื่อเตรียมการวางแผนหามาตรการช่วยเหลือตั้งแต่ตอนนี้ ซึ่งจะบรรเทาความเดือดร้อนกรณีดังกล่าวได้

REALATED NEWS

Comments

Share Tweet Line