อลิอันซ์ อยุธยา ไตรมาส 1 เติบโตสวนกระแส ชูประกันสุขภาพและดิจิทัลคือตัวขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต

อลิอันซ์ อยุธยา ไตรมาส 1 เติบโตสวนกระแส  ชูประกันสุขภาพและดิจิทัลคือตัวขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต

อลิอันซ์ อยุธยา รายงานผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2563 โชว์ผลงานยอดเยี่ยม เติบโตแกร่งสวนกระแสเศรษฐกิจ ด้วยเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (Annualized New Premium – ANP) 1.5 พันล้านบาท เติบโต 22.8% เทียบกับปีที่แล้ว ด้วยกลยุทธ์ช่องทางขายที่หลากหลาย เน้นธุรกิจประกันสุขภาพและนวัตกรรมดิจิทัล มั่นใจพิชิตเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 3.3 หมื่นล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้


นายไบรอัน สมิธ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า “ไตรมาสแรกของปี 2563 จากสถานการณ์โควิด 19 ที่กระทบกับเศรษฐกิจโดยรวมทั้งระบบ ส่งผลให้กำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง โดยเฉพาะธุรกิจประกันเอง ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสภาพดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม อลิอันซ์ อยุธยา ยังสามารถสร้างผลงานที่ดีสวนกระแส โดยมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรก เติบโต 22.8 % อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท  ช่องทางตัวแทนเติบโต 15.6% สร้างเบี้ยได้ 566 ล้านบาท ช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์สร้างเบี้ย  296 ล้านบาท เติบโต 17.4% ช่องทางขายตรงยังคงครองอันดับหนึ่งในตลาดด้วยเบี้ย 464 ล้านบาท เติบโต 4.5% ส่วนช่องทางอื่นๆ ได้แก่ ประกันกลุ่ม และ ดิจิทัล สร้างเบี้ยอยู่ที่ 133 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดถึง 144.3% ซึ่งเป็นผลมาจากการปิดดีลใหญ่ได้ในช่วงต้นปี”

จากสถานการณ์โควิด 19 ทำให้ประชาชนส่วนมาก หันมาสนใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น รวมถึงการให้ความสำคัญการการซื้อประกันสุขภาพ โดยในไตรมาสแรก ที่ผ่านมา อลิอันซ์ อยุธยามีสัดส่วนเบี้ยประกันสุขภาพต่อเบี้ยรวมทั้งหมดถึง 42.8% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทประกันอื่นๆในตลาด ทั้งนี้ การเติบโตธุรกิจสุขภาพได้อย่างต่อเนื่องเป็นผลจากการดำเนินกลยุทธ์ที่เน้นไปที่ การบริหารจัดการช่องที่ทางหลากหลาย การเปิดตัวผลิตภัณฑ์สุขภาพใหม่ พันธมิตรร่วมกับกลุ่มบีดีเอ็มเอส และ การมอบบริการสุขภาพเพิ่มเติมให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

แม้สถานการณ์โควิด-19 จะทำให้สภาพเศรษฐกิจมีความท้าทายยิ่งขึ้น อลิอันซ์ อยุธยา มองว่าเป็นโอกาสในการเร่งเครื่องสู่การทำงานแบบดิจิทัล สำหรับช่องทางตัวแทนนั้น จากการที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ทำให้ในปัจจุบัน ตัวแทนสามารถขายประกันโดยไม่ต้องพบหน้าลูกค้าได้ โดยอลิอันซ์ อยุธยา เอง ได้มีการต่อยอดจาก อลิอันซ์ ดิสคัฟเวอร์ (Allianz Discover - AZD) ซึ่งเป็นเครื่องมือดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการขายสำหรับตัวแทน โดยพัฒนาให้มีฟังก์ชั่นในการให้ลูกค้าสามารถเซ็นชื่อในระบบเพื่อพิสูจน์ตัวตนได้ ทำให้ทั้งลูกค้าและตัวแทน ได้รับประสบการณ์การซื้อขายที่ดี และคาดว่าวิธีการขายแบบนี้จะกลายเป็น “วิถีใหม่” หรือ New Normal ของวงการประกันไทยในอนาคต นอกจากนั้น สืบเนื่องจากการที่ช่วงโควิด ทำให้มีการควบคุมการเดินทางไปมาหากัน ยอดการใช้งาน AZD จึงเพิ่มสูงขึ้นแตะที่ 87% และคาดว่าตัวแทนจะเข้าสู่การใช้ดิจิทัลแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในสิ้นปีนี้

ในส่วนของลูกค้าเองก็หันมาใช้บริการออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยยอดการใช้งาน My Allianz ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นสำหรับบริหารกรมธรรม์ออนไลน์ด้วยตัวเอง ก็เพิ่มสูงขึ้นถึง 200% ในเดือนเมษายนเดือนเดียว โดยบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ การสมัครรับผลประโยชน์ผ่านทางธนาคาร การกู้เงินตามกรมธรรม์ และ การชำระเบี้ยประกันออนไลน์ นอกจากนั้น บริการเทเลเมดิซีน ซึ่งให้บริการบนแฟลทฟอร์ม เฮลทตี้ ลีฟวิ่ง ทอล์ค ก็มียอดดาวน์โหลดสูงขึ้นถึง 5,000 คนและมีการใช้งานสูงถึงกว่า 2,100 ครั้งในเดือนเมษายน สำหรับพนักงาน อลิอันซ์ อยุธยา เอง เรื่องของความปลอดภัยเป็นสิ่งที่บริษัทฯให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ในช่วงที่การระบาดของโรครุนแรงอย่างมากในเดือน มีนาคม – พฤษภาคม ทางบริษัทฯได้บริหารจัดการให้พนักงานกว่า 90% สามารถทำงานจากที่บ้านได้ และจากผลสำรวจความคิดเห็นพนักงาน 46% เห็นว่า การอนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่ใดก็ได้ โดยไม่ต้องเข้าสำนักงาน หรือ Work Anywhere จะกลายเป็น New Normal สำหรับทั้งบริษัทและทีมงานของเรา

“แม้จะต้องพบกับสถานการณ์ทีผันผวนจากวิกฤตโควิด-19 อลิอันซ์ อยุธยา ยังคงมองอนาคตการเติบโตในเชิงบวก เราได้วางรากฐานการเติบโตธุรกิจสุขภาพมาป็นเวลาหลายปี จนขณะนี้ ธุรกิจดังกล่าวได้กลายเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของทุกช่องทางขาย ประกอบกับการมุ่งสู่ดิจิทัลซึ่งมีโควิดเป็นตัวเร่ง รูปแบบธุรกิจประกันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป อลิอันซ์ อยุธยา พร้อมที่จะรับกับความท้าทายและโอกาสข้างหน้า” คุณไบรอันกล่าวสรุป

REALATED NEWS

Comments

Share Tweet Line