เคลลี่ ธนะพัฒน์ เปิดใจ โดนเจ้าของร้านนาฬิกาหรูโกง พร้อมแจงโดดร่วมละครช่องอื่น

เคลลี่ ธนะพัฒน์ เปิดใจ โดนเจ้าของร้านนาฬิกาหรูโกง พร้อมแจงโดดร่วมละครช่องอื่น

เคลลี่ ธนะพัฒน์ เปิดใจประเด็นโดนเจ้าของร้านนาฬิกาที่โกงไปถูกจับ บอกไม่ได้แจ้งความเพราะอยากให้โอกาสเขา ซึ่งเขาได้ทยอยคืนมาแล้วครึ่งนึง เชื่อใจเคยค้าขายกันมาก่อน ทำใจน่าจะไม่ได้คืนแล้ว เพราะหลังเป็นข่าวเห็นหลายๆคนโดนเยอะกว่าตนอีก แอบสงสารเขาแต่ก็ยินดีให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่หากต้องการ รับได้คุยกับเชียร์ ฑิฆัมพร หลังเป็นข่าวเพราะก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าโดนเหมือนกัน หลังจากนี้ก็ระวังมากขึ้น แจงกับช่อง7เป็นสัญญาใจกันอยู่แล้ว หลังเห็นโดดร่วมงานช่อง8 บอกก่อนรับละครกับช่องอื่นก็มีถามผู้ใหญ่ก่อน ยินดีหากกลับไปทำงานกับช่อง7อีกถ้าคิวได้


 

 
เป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงที่ตกเป็นเหยื่อถูกเจ้าของร้านนาฬิกาหรูโกง หลังไว้ใจฝากขายนาฬิกามูลค่ากว่า4แสนบาท แต่ได้เงินกลับมาเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น สำหรับหนุ่มเคลลี่ ธนพัฒน์ ซึ่งล่าสุดได้เจอเจ้าตัวที่งาน Kantana Marketplace ตลาดนัดคนบันเทิง เพื่อคนบันเทิง เลยขอสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ซะหน่อย โดยหนุ่มเคลลี่เผยว่า

 

“จริง ๆ ผมไม่ได้อยากจะไปสัมภาษณ์เรื่องนี้มาก ผมไม่ได้แจ้งความกับเรื่องนี้ต้องบอกก่อนว่า เราเคยค้าขายกันเคยซื้อนาฬิกา เคยคืนและเปลี่ยนเป็นรุ่นอื่น ซึ่งก็ไม่เคยมีปัญหามาก่อนหน้านี้เลยครับ ปัญหากับนาฬิกาของผมที่เกิดขึ้นน่าจะ ประมาณปลายปีที่แล้ว ผมได้ส่วนหนึ่งคืนมาได้คืนมาครึ่งหนึ่ง ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นครับ ผมเอานาฬิกาไปฝากเพื่อที่จะขายแล้วเรื่องก็เงียบจนเวลาผ่านไป ก็ถามเขาว่าขายได้หรือยัง แต่ผ่านไป 2-3 เดือน ผมก็ถามอีกว่าขายได้หรือยัง ถ้ายังขายไม่ได้ไม่เป็นไรนะครับเดี๋ยวผมขอคืน ทางเขาแจ้งมาว่ามีคนมามัดจำ ให้มัดจำมาแล้วทยอยให้ ก็เอะใจ คิดว่าเขาอาจจะมีปัญหา เขาก็บอกว่าขอทยอยจ่ายให้ได้มั้ย เราก็ให้โอกาสเขา เจอเรื่องโควิด-19 เราก็ไม่อยาก ไปตามทวงหนี้ใคร ผมก็ได้ยินมาบ้างว่าเขาอาจจะมีปัญหาเรื่องการเงิน แต่เขาก็มีเจตนาที่จะผ่อนจ่ายคืน

 

 เราก็อยากให้โอกาสเขาถึงไม่ได้ไปแจ้งความ แล้วก็มีการพูดคุย แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ได้คุยกันมาหลายเดือนแล้วมูลค่านาฬิกาของเราก็ประมาณ 4 แสนบาทครับ ผมได้คืนมา 2 แสนบาท ตอนนี้เขาโดนจับก็น่าจะไม่ได้คืนแล้วแหละครับ คิดว่าอย่างนั้น เพราะพอเป็นข่าวก็ได้ทราบมาว่ามีหลายคนที่โดนและมูลค่าเกินล้านด้วยซ้ำ เป็นหลักล้านของเราก็ถือว่าฟาดเคราะห์ไป โชคดีที่เราไม่ได้โดนเยอะกว่านี้ ทำใจไว้ระดับหนึ่งแล้วครับ ถ้าได้คืนก็ดี อย่างที่บอกเรามีเจตนาที่จะให้โอกาสเขา แต่เมื่อกี้ที่นักข่าวบอกในเมื่อเขาโดนจับไปแล้วก็น่าจะยากครับ ตอนที่ซื้อขายกันเราก็ไว้ใจเขาเลยครับ เรารู้จักกัน ทำการค้าขายกัน เขาเป็นนักธุรกิจที่พูดจาดี มีความรู้ งานแต่งงานของผมเขาก็ให้ของขวัญมา เราก็ไว้ใจ 100 เปอร์เซ็นต์เลยจริงๆครับ กับเชียร์เพิ่งได้คุยเมื่อวานครับไปถ่ายรายการก็เพิ่งได้ถามเขา 

 

ตอนแรกก็คิดว่าน้องไปซ่อม จริงๆน้องก็ฝากขายเหมือนกัน เราคุยกันเราก็ยังงงเพราะว่าเชียร์ก็มีความรู้สึกเหมือนกันว่าเราซื้อขายกันมานาน ไว้ใจกัน ไม่เคยมีปัญหา แต่ตอนที่เกิดปัญหากับผมหรือกับเชียร์ไม่ได้คุยกัน ต่างคนต่างไม่รู้ พอเห็นข่าวแล้วเห็นว่ามีหลายคนที่ดูแล้วจำนวนตัวเลขก็คงต้องทำใจ หลังจากนี้มันไม่ได้เชิงว่าเข็ดต้องบอกว่าที่ผ่านมาก็เคยโดนมาเหมือนกัน เชื่อว่าหลายคนก็คงเคยโดนเรื่องเงินที่ไม่ได้คืน อันนี้ไม่ได้ถือว่าเข็ดแต่อาจจะต้องระวังมากขึ้น อย่างนี้เราให้ไปเราก็ไม่ได้มีสัญญาซื้อขาย แล้วพอเวลาผ่านไปจริงๆเราก็ควรที่จะไปเอาคืนตั้งแต่แรก ไม่ใช่ปล่อย แต่คือเราให้โอกาส ปล่อยเวลาผ่านไปนานไปหน่อย ถามว่าปล่อยไปเลยไหมก็แอบสงสารครับ แต่ก็ให้ ความร่วมมือถ้าเกิดเจ้าหน้าที่ต้องการ เท่าที่สัมภาษณ์ไปก็เท่าที่รู้ครับ ประมาณนี้”

 

ส่วนเรื่องที่คนมองว่าเพิ่งหมดสัญญากับช่อง7และผันตัวเป็นนักแสดงอิสระแบบเต็มตัวซะแล้ว เจ้าตัวเผยว่า “ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีสัญญากับช่อง 7 ครับ เป็นสัญญาใจมาโดยตลอดแต่ทางช่องก็น่ารักให้งานให้ละครตลอด อยู่ด้วยกันมาตลอด 10 กว่าปี เปรียบเหมือนบ้าน รู้จักกับทุกคน แต่ละค่ายก็ สนิทสนมกัน หลายคนก็เลยคิดว่าเล่นแต่ช่อง 7 ซึ่งจะใช่ครับ เล่นแต่ช่อง 7 เพราะว่าเรามีละครต่อเนื่องตลอด มันไม่ใช่อยู่ดีๆ วันนี้ไปรับงานช่องอื่น จริงๆก็มีคนติดต่อมาเรื่อย ๆ เริ่มจากตอนแรกคือไปออกรายการ เราทำธุรกิจเราก็อยากไปออกรายการโปรโมทสินค้า แต่เรื่องของละครเราอาจจะมองด้วยจังหวะที่ ช่วงของโควิด-19 ผมไม่ได้ถ่ายละครมา 7 เดือน เป็นจังหวะที่ว่างแล้วก็ได้ไปถ่ายละครกับที่อื่นบ้าง ด้วยอายุด้วยเราก็มองว่า อยู่ในวงการมานานเราก็อยากจะได้รับบทที่ ต้องบอกว่าหาประสบการณ์เรื่อย ๆ

 ซึ่งแต่ละช่อง แต่ละค่ายเขาทำละคร แนวทางละครมันไม่เหมือนกัน แล้วบทที่รับไปก็ถือว่าเป็นบทที่ท้าทายครับ ต้องบอกว่าถ้าช่อง7เสนอละคร คิวเราได้เราก็ยินดี เราก็ทำงานกันเหมือนเดิมครับไม่ใช่ว่าออกมาจากช่อง 7 แล้วไม่ทำงานกับช่อง 7 เลย ถ้าเขามีละครให้เราเราก็ยินดีที่จะร่วมงานต่อ ซึ่งก่อนจะรับงานก็ได้คุยกับช่องตั้งแต่ปีใหม่ครับ ผมแจ้งไป ผมก็ไปถามว่าถ้าผมมีค่ายอื่น มีช่องอื่นมาเสนอละคร สามารถคุยได้มั้ยครับ ก็ได้แจ้งผู้ใหญ่ไปแล้วครับ ผู้ใหญ่ก็เข้าใจเขาเห็นว่าเราอยู่ด้วยมานาน ช่วงไหนที่เราว่างก็คุยได้ครับ”

 

REALATED NEWS

Comments

Share Tweet Line